globe-image
th
down-chevron
เราจะหาพนักงานคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด พร้อมปฏิบัติงานและอยู่กับบริษัทนานๆได้อย่างไร?

ธุรกิจจะหาพนักงานคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติตามต้องการได้อย่างไร?

Workmate Team
6 Dec 2021
แชร์บทความนี้
Facebook Icon
Twitter Icon
LinkedIn Icon

ด้วยการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซท่ามกลางกระแสโลกดิจิตัล พนักงานคลังสินค้าจึงกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดปัจจุบัน เพราะพนักงานคลังสินค้าเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถจัดส่งสินค้าให้กับผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและทันกับความต้องการ

พนักงานคลังสินค้าเป็นส่วนหนึ่งของแรงงาน ซึ่งจะให้ความสำคัญกับทักษะต่างๆและประสบการณ์มากกว่าระดับการศึกษา ความแข็งแกร่งทางร่างกายเป็นหนึ่งในคุณลักษณะ ที่ใช้ในการคัดลือกพนักงานคลังสินค้า เนื่องจากงานนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความแข็งแรงและสภาพร่างกาย เช่น พนักงานคลังสินค้าที่ทำงานในโกดัง หรือแผนกโลจิสติกส์จะต้องทำงานเกี่ยวกับการจัดเก็บสินค้า, บรรทุกสินค้าขึ้น และการเคลื่อนย้ายสินค้า

หน้าที่ความรับผิดชอบของงานคลังสินค้ามีหลายตำแหน่ง เช่น หัวหน้าฝ่ายคลังสินค้า ผู้จัดการคลังสินค้า หรือเจ้าหน้าคลังสินค้า ผู้ประกอบการคลังสินค้า และเจ้าหน้าที่บริหารงานคลังสินค้า 

พนักงานคลังสินค้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภท

1. พนักงานคลังสินค้าในบริษัทโลจิสติกส์ที่ทำหน้าที่กระจายสินค้าต่างๆ
2. พนักงานคลังสินค้าที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุดิบต่างๆไปสู่โรงงานผลิต

อันที่จริงแล้ว พนักงานสองประเภทนี้ไม่ได้มีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมากนัก นอกจากปริมาณความต้องการพนักงานคลังสินค้าประเภทแรกจะขึ้นอยู่กับเทศกาลต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้นตามธุรกิจ e-commerce แต่ความต้องการพนักงานคลังสินค้าแบบที่ 2 จะสม่ำเสมอแน่นอน ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก

อีกหน้าที่ของพนักงานคลังสินค้าคือ การตรวจสอบสินค้าในเรื่องของปริมาณ คุณภาพและรายชื่อผู้รับสินค้า เพื่อที่จะแน่ใจว่าสินค้าต่างๆ ถูกส่งมอบได้ถูกต้องตามความต้องการของลูกค้า

หน้าที่ของพนักงานคลังสินค้าคืออะไร?

หน้าที่ของพนักงานคลังสินค้าคือ การรับผิดชอบการรับเข้าและส่งสินค้าออกจากคลัง การบันทึกสินค้าเข้าและออก และการดูแลในเรื่องการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลัง

และเนื่องจากงานนี้จำเป็นต้องใช้ความแข็งแรงทางร่างกายในการทำงาน พนักงานคลังสินค้าที่ทำหน้าที่นี้ จึงต้องเป็นคนที่มีความสมบูรณ์และสุขภาพแข็งแรง  อีกทั้งยังต้องใช้ความระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้า-ออกจากคลัง พร้อมทั้งทำการบันทึกรายละเอียดที่ถูกต้อง

หน้าที่หลักของพนักงานคลังสินค้า ประกอบด้วย

  • การเตรียมในเรื่องคำสั่งซื้อสินค้าต่างๆของลูกค้า และการทำให้แน่ใจว่าสินค้าต่างๆถูกส่งมอบตามตารางเวลา
  • การรับและดำเนินการในเรื่องของการนำเข้าสินค้ามาเก็บในคลังสินค้า สิ่งนี้จะรวมไปถึง การเรียงลำดับ, การบรรทุกสินค้าขึ้น, การบรรทุกสินค้าลง, การแปะฉลากสินค้า และ การเก็บสินค้าเข้าคลังสินค้า
  • ทำการควบคุมคุณภาพสินค้าที่นำเข้ามาและนำออกไปและในเรื่องของการเก็บสินค้าเข้าคลังสินค้า
  • บริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างเรียบร้อย สะอาด และปลอดภัย
  • จัดการในเรื่องสินค้าคงคลังและบันทึกปริมาณสินค้าในแต่ละวันอย่างละเอียด และต้องทำการรายงานหากเกิดความแตกต่างจากการบันทึกและปริมาณจริงของสินค้า
  • ร่วมมือและสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานพนักงานคลังสินค้าและผู้ให้บริการ
  • ดำเนินการในเรื่องงานต่างๆตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานที่ออกแบบโดยบริษัท
  • ดำเนินการในเรื่องของมาตรฐานบริการที่ส่งเสริมในเรื่องของคุณภาพ, ทำตามระเบียบข้อบังคับ และ ภาระผูกพันด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

พนักงานคลังสินค้าแบบไหนที่ควรจะจ้างเข้ามาทำงาน?

เช่นเดียวกับงานระดับปฏิบัติการอื่นๆ บริษัทสามารถจ้างพนักงานคลังสินค้า ได้ทั้งแบบรายวัน การจ้างผ่านเอาท์ซอร์ส หรือจ้างเป็นพนักงานประจำ อย่างน้อยที่สุดบริษัทโลจิสติกส์จะต้องมีพนักงานคลังสินค้าจำนวนหนึ่งที่เป็นพนักงานประจำและหัวหน้างาน เพื่อดูแลความเรียบร้อยของพนักงานสัญญาจ้าง หรือพาร์ทไทม์ตามเทศกาลที่มีความต้องการใช้คนเพิ่มขึ้น

พนักงานคลังสินค้าที่เป็นพนักงานประจำ เช่น หัวหน้างานคลังสินค้ามักเป็นคนที่ทำงานกับบริษัทมานาน และก็รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลการปฏิบัติงานในคลังสินค้า แม้หน้าที่นี้จะดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่แท้จริงแล้วต้องใช้ความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก

หัวหน้างานคลังสินค้าต้องรับผิดชอบในความผิดพลาดต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อสินค้าถูกส่งไปที่บรรดาลูกค้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่เซ็นต์รับเข้ามาและออกไปจากคลังสินค้าทุกวัน

สำหรับเหตุผลนี้ พนักงานคลังสินค้าที่เป็นพนักงานประจำที่ทำหน้าที่ดูแลหรือจัดการจำเป็นที่จะต้องมีพื้นฐานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อยที่สุด พวกเขาทั้งหลายจะต้องสามารถที่จะแยกระหว่างเอกสารทางกฏหมายและเอกสารที่ถูกปลอมแปลงขึ้นเพื่อที่จะป้องกันการฉ้อโกง

วิธีการง่ายๆสำหรับการคุณสมบัติด้านการศึกษานั้นก็เหมือนกับหน่วยงานอื่นๆคือ พนักงานระดับผู้จัดการควรมีประวัติการศึกษาขั้นต่ำตามความเหมาะสม ในขณะที่รูปแบบการจ้างงานนั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบงานในคลังสินค้าของคุณว่า เป็นคลังแบบไหน

ซึ่งธุรกิจคลังสินค้ามีแนวโน้มที่จะมีความต้องการในระยะสั้นและในบางช่วงเวลาที่ไม่ต่อเนื่อง ในทางกลับกันสำหรับธุรกิจค้าปลีกนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานคลังสินค้าที่เป็นพนักงานประจำ 

KPI - ตัวชี้วัดความสำเร็จสำหรับพนักงานคลังสินค้า

เพื่อให้การในคลังสินค้าประจำวันประสบความสำเร็จราบรื่น แต่ละบริษัทจะต้องมีตั้งKPI (Key performance indicator) ซึ่งอาจมีความหลากหลายกันไปตามแต่ละงาน แต่KPI หนึ่งที่สำคัญที่ทุกบริษัทไม่ควรมองข้ามคือ “ความพึงพอใจของลูกค้า”

KPI หลักสำหรับพนักงานคลังสินค้าคือ การรับสินค้าเข้ามาในคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ขั้นตอนแรกที่เกิดขึ้นในคลังสินค้าโดยทั่วไป คือ การรับสินค้าเข้าคลังจากผู้ผลิต ในขั้นตอนนี้พนักงานคลังสินค้าต้องมีการบันทึกสินค้าต่างๆ แต่ละชิ้นที่เข้ามาในคลังสินค้าตลอดจจนรายละเอียดต่างๆ เช่น ความถี่ของการส่งมอบสินค้า และสัดส่วนความเสียหายของสินค้าที่ได้รับเข้ามา

การคำนวณเวลาเฉลี่ยที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการทำงานก็เป็นหนึ่งใน KPI ที่ต้องคำนึกถึง ซึ่งการใช้ KPI เป็นเกณฑ์ เพื่อที่จะดูว่า พนักงานคลังสินค้ามีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ในกระบวนการในการนำสินค้าต่างๆ เข้ามาในคลังสินค้า ยิ่งนำสินค้าต่างๆเข้ามาในคลังสินค้าได้เร็ว สินค้าต่างๆก็จะสามารถถูกส่งต่อไปยังกลุ่มลูกค้าได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตามความถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วเพียงอย่างเดียว เนื่องจากความผิดพลาดต่างๆ นำมาซึ่งการเสียเวลาจากการต้องตรวจสอบสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้น ต้องมีการแก้ไขต่างๆ และด้วยกระบวนการที่เสียเวลามากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนทางธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นทั้งตัวเงินและเวลา รวมถึงความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย

เกณฑ์การจ้างพนักงานคลังสินค้า

3 สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจ้างพนักงานคลังสินค้า

1. การศึกษา

แม้ว่าประวัติการศึกษาจะเป็นข้อหลังๆในการพิจารณาจ้างพนักงานคลังสินค้า แต่ถ้าคุณกำลังจะจ้างพนักงานคลังสินค้าที่เป็นพนักงานประจำ ซึ่งต้องทำงานร่วมกับส่วนงานอื่นๆ ระดับการศึกษา ก็ควรที่จะตรงกับเหมาะสมกับการทำงานร่วมกับแผนกอื่นๆในบริษัท  โดยเฉพาะพนักงานคลังสินค้า ที่เป็นพนักงานประจำซึ่งต้องประสานงานร่วมกับฝ่ายอื่นๆ

2. ทักษะ

เป็น KPI ที่สำคัญมากที่สุด บางคนแม้มีประวัติการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน แต่ไม่มีทักษะก็อาจไม่เหมาะสมกับการทำงานนี้ ดังนั้นก่อนการจ้างจึงต้องมีการทดสอบ เพื่อประเมินว่าผู้สมัคเหมาะสมกับตำแหน่งงานหรือไม่

3. ประสบการณ์การทำงาน

พนักงานคลังสินค้าที่มีประสบการณ์จะสามารถที่เริ่มงานได้อย่างรวดเร็ว และปรับตัวให้เข้ากับสภาพการทำงานได้ดี ซึ่งสิ่งนี้เป็นรายละเอียดที่ต้องใช้การตรวจสอบจากข้อมูลของผู้สมัครและอาจต้องมีการตั้งคำถามว่า ทำไมเข้าถึงตัดสินใจเปลี่ยนงาน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าถ้าพนักงานคลังสินค้าคนนั้นเหมาะที่จะทำงานในบริษัทของคุณหรือไม่

เราจะคัดเลือกพนักงานคลังสินค้าอย่างประสิทธิภาพได้อย่างไร?

ถึงตอนนี้คุณได้รู้แล้วว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องคำนึงถึงในการจ้างพนักงานคลังสินค้า ขั้นตอนต่อไปคือ การเลือกคนให้เหมาะกับงานสำหรับบริษัทการหาพนักงานคลังสินค้าดูเป็นเรื่องยาก แต่ผู้สมัครส่วนมากคิดว่า งานคลังสินค้าเป็นรงานง่าย โดยที่ไม่เข้าใจว่างานนี้ต้องใช้ทักษะ ความชำนาญ ประสบการณ์ และความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายด้วย ซึ่งรูปแบบการจ้างพนักงานคลังสินค้านั้นเป็นไปได้ทั้งรูปแบบการจ้างพนักงานประจำ การจ้างแบบ Outsource หรือจ้างแบบพาร์ทไทม์

วิธีการหาพนักงานคลังสินค้าที่เป็นที่นิยมมีหลายวิธี เช่น
1. สรรหาพนักงานจากทางออนไลน์
2. การโพสต์เพื่อรับสมัครในฟอรั่ม หรือกลุ่มเฟสบุ๊กต่างๆ
3. ให้พนักงานปัจจุบันช่วยบอกต่อเมื่อเปิดรับสมัคร

การบอกต่อของพนักงานปัจจุบัน เพื่อให้คนมาสมัครก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการสรรหาพนักงานคลังสินค้า เพราะช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาในสรรหาพนักงานกลุ่มที่ไม่เคยรู้จักบริษัทมาก่อน

อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ คือการใช้แพลตฟอร์ม Workmate ที่จะช่วยคัดเลือกพนักงานคลังสินค้าที่เหมาะสมให้กับบริษัทของคุณ วิธีการนี้ต่างจากการรับสมัครออนไลน์ทั่วไป เพราะ Workmate ใช้ Data ในการช่วยคุณหาพนักงานที่เหมาะสมผ่านการจับคู่บริษัทของคุณกับผู้สมัครด้วยระบบ AI ในปัจจุบัน Workmate มีผู้สนใจสมัครงานประมาณ 30,000 คนซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถคัดเลือกหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามต้องการได้เพียงไม่กี่คลิก โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Data ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้การจ้างพนักงานของคุณเป็นไปได้สะดวกและง่ายดาย ทดลองใช้ Workmate ฟรี 30 วัน

เคล็ดลับที่ทำให้พนักงานทำงานกับบริษัทนานๆ

เนื่องจากอุตสาหกรรมต่างๆมีความต้องการพนักงานคลังสินค้าจำนวนมาก และถ้าบริษัทของคุณอยู่ในเขตจุดศูนย์กลางของโลจิสติกส์ หรือในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้การหาพนักงานคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติตามที่คุณต้องการยิ่งเป็นเรื่องยาก 

พนักงานคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติตรงตามที่บริษัทต้องการ จะมีแนวโน้มที่จะถูกจ้างและได้รับการเซ็นสัญญาและเงินเดือนที่สูง แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้จูงใจให้คนหนุ่มสาวอยากทำงานในด้านนี้มากขึ้น และกับการหาพนักงานคลังสินค้ากะกลางคืนก็ถือเป็นเรื่องท้าทายของบริษัทเป็นอย่างมากเช่นกัน

3 กลยุทธ์ เพื่อให้คุณมั่นใจว่า คุณมีพนักงานคลังสินค้ามากเพียงพอ 

1. ให้สิ่งอื่นที่มากกว่าเงินเดือน
คุณต้องทำให้พนักงานรู้สึกว่าที่ทำงานเป็นเหมือนบ้าน ที่มีการดูแลสวัดิการและผลประโยชน์อื่นๆที่มากกว่าแค่เงินค่าจ้าง สิ่งอื่นๆอาจจะเป็น โบนัสตามผลงาน หรือการให้เงินพิเศษสำหรับพนักงานที่ไม่มีการขาดงานเลย ประกันสุขภาพ โอกาสในการฝึกทักษะพิเศษต่างๆเพิ่มเติม ความก้าวหน้าในอาชีพ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน หรือแม้กระทั่งกรสร้างความสัมพันธ์ในทีมงาน ในเรื่องการทำงาน สิ่งแรกคุณต้องแน่ใจว่า ลูกจ้างของคุณได้รับค่าจ้างอย่างยุติธรรมตามอัตราการจ้างในตลาดแรงงาน มิฉะนั้นคุณจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่พนักงานของคุณจะลาออกไปทำงานอื่นที่จ่ายค่าจ้างดีกว่า

2. เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นได้
ในการทำงานคลังสินค้า การมีวินัยในการเปลี่ยนกะการทำงานเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม นายจ้างสามารถที่จะให้ลูกจ้างได้รับความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลาการทำงานได้ในบางพื้นที่ เช่น การอนุญาตให้ลูกจ้างสลับสับเปลี่ยนหน้าที่งานหรือแลกกะการทำงานกับเพื่อนร่วมงานตามตกลงระหว่าง 2 ฝ่าย หากไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจ

3. การจัดฝึกงานให้ลูกจ้าง
บริษัทจะต้องมีการพิจารณา ให้ลูกจ้างคุณฝึกการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานในแผนกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขยายความรู้ในระบบโลจิสติกส์หรือคอร์สเรียนต่างๆทั่วไป ที่ช่วยพัฒนาการทำงาน สิ่งนี้จะมีส่วนช่วยรักษาพนักงานของคุณไว้ เพราะพนักงานรู้สึกว่า บริษัทได้ลงทุนในอนาคตของพวกเขา และสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป

จ้างงานพนักงานคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วยโซลูชั่นสำหรับ HR

เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า การจ้างเจ้าหน้าที่คลังสินค้าที่มีคุณสมบัติที่ดีเข้ามาทำงานนั้น มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณา และเพื่อให้การจ้างงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ Workmate แพลตฟอร์มสำหรับนายจ้าง ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจ้างงานแรงงานด้วยเทคโนโลยีและการใช้ Data พร้อมด้วยฟีเจอร์อีกมากมาย อาทิ การติดตามการเข้าทำงานของพนักงาน การทำงานตามกะ หรือการปรับปรุงการทำงาน Workmate จะช่วยให้การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของคุณเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเชื่อมบริษัทเข้ากับคนงานของคุณตามต้องการ

คลิกที่นี่ เพื่อเริ่มการคัดเลือกพนักงานคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติตามต้องการกับ Workmate

บทความสำหรับ:
แชร์บทความนี้
Facebook Icon
Twitter Icon
LinkedIn Icon
Subscribe to our Blog
We will send you updates on new, relevant articles that can help your business!