globe-image
th
down-chevron
CAPEX กับ OPEX ต่างกันอย่างไร? เปลี่ยน CAPEX ให้เป็น OPEX เพิ่มกระแสเงินสดด้วย Outsourcing Service

CAPEX กับ OPEX ต่างกันอย่างไร? เปลี่ยน CAPEX ให้เป็น OPEX เพิ่มกระแสเงินสดด้วย Outsourcing Service

Workmate Team
23 Sep 2022
แชร์บทความนี้
Facebook Icon
Twitter Icon
LinkedIn Icon

เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนก็คงต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถประคับประคองบริษัทให้อยู่รอดต่อไปได้จนพ้นวิกฤติไปจนถึงการขยายตัวครั้งถัดไป หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของบริษัทก็คืองบประมาณการลงทุนของตัวบริษัทนั่นเอง และเมื่อพูดถึงคำว่า “งบประมาณการลงทุน” หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า CAPEX กับ OPEX กันมาบ้าง เรามาดูกันว่าสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร

CAPEX และ OPEX คืออะไร? การลงทุนค่าใช้จ่ายใช้แบบไหนคุ้มสุด? 

CAPEX (Capital Expenditures) คือ การลงทุนไปกับสินทรัพย์ถาวรของบริษัท เช่น การลงทุนด้านสถานที่ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์รวมไปถึงทรัพยากรบุคคลเพื่อมาดูแลสินทรัพย์และระบบเหล่านี้ในระยะยาว ซึ่งหากเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานจำเป็นต้องอัพเกรดใหม่ก็จะต้องทำการจัดซื้อเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน รายปี ในระหว่างใช้งาน ในกรณีนี้การเสียภาษีจะเป็นในรูปแบบของการหักตามระยะเวลาที่สินทรัพย์มีค่าเสื่อมราคา

OPEX (Operational Expenditures) คือ การลงทุนไปกับสินทรัพย์ในรูปแบบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น การใช้บริการจากบริษัท Outsourcing เพื่อใช้ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีที่บริษัท Outsourcing นั้นเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ โดยไม่ต้องลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียวแต่จะเป็นค่าใช้จ่ายตามจริงรายเดือนหรือรายปี ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมรายจ่ายโดยการแบ่งจ่ายเป็นรอบกำหนดการจ่าย และสามารถใช้เงินทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่า และหากมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำงานในส่วนนั้นมีการพัฒนาขึ้น ทางบริษัทก็ไม่ต้องลงทุนในด้านเทคโนโลยีเหล่านี้เองเพราะสามารถใช้บริการของบริษัท Outsourcing ได้เลยอย่างรวดเร็วทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้มาก รูปแบบการเสียภาษีของ OPEX จะเป็นการหักในปีภาษีปัจจุบัน 

ส่วนสำคัญการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จก็คือการวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทอยู่เสมอและเลือกอย่างชาญฉลาดว่าบริษัทควรจะลงทุนซื้อและทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นด้วยตัวเอง (CAPEX) หรือควรใช้ความสามารถของบุคคลภายนอก (Outsource) เมื่ออาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า (OPEX) นอกจากนี้การเลือกการลงทุนระหว่าง CAPEX กับ OPEX จะมีผลต่อรูปแบบการทำบัญชี ค่าใช้จ่ายและภาษีของบริษัทอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย

เปลี่ยน CAPEX ก้อนใหญ่มาเป็น OPEX ก้อนเล็ก เก็บเงินสดไว้ขยายธุรกิจ

ปัจจุบันบริษัทชั้นนำหลายแห่งเลือกที่จะใช้วิธีการเปลี่ยน CAPEX ให้เป็น OPEX เพื่อควบคุมงบประมาณบริษัท เช่น แทนที่จะลงทุนก้อนใหญ่กับระบบการบริหารจัดการแรงงานของตัวเอง ที่จะต้องใช้เวลาไปกับการสรรหาและจ้างแรงงาน อบรมและพัฒนาทักษะ ไปจนถึงคำนวนค่าแรงของแรงงานทุกคนด้วยตัวเองจนสิ้นเปลืองเวลา กำลังคนและงบประมาณที่สูง

บริษัทอาจพิจารณาเปลี่ยนมาใช้การจ้างบริษัทภายนอกหรือ Outsourcing ที่เชี่ยวชาญอย่าง Workmate เพื่อมาทำหน้าที่นี้แทน ทำให้ประหยัดทั้งเวลาในการจัดหาและอบรมแรงงาน ประหยัดทรัพยากรบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ดูแลในส่วนนี้ทั้งการจัดจ้างและการควบคุมดูแลการทำงานของแรงงานไปทั้งระบบ โดยยังได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของบริษัท Outsource นั้น ๆ และจ่ายเงินก้อนเล็กกว่าเป็นรายเดือนหรือรายปีตามสัญญา หากวันไหนมีความต้องการลดขนาดธุรกิจหรือขยายใหญ่ขึ้นแบบรวดเร็วก็จัดการได้แบบเรียลไทม์ผ่าน Platform ที่ถูกพัฒนามาโดยเฉพาะ รวมไปถึง Customer Success Manager ที่จะช่วยดูแลคุณ จึงทำให้การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพนักงานได้โดยไม่ต้องรอสรุปสิ้นเดือนอีกต่อไป

และด้วยการเลือกใช้บริการ Outsourcing เองก็จะทำให้การลงทุนครั้งนี้ไม่ต้องใช้กระแสเงินสดจำนวนมากแบบ CAPEX ในการพัฒนาศักยภาพของบริษัท แต่เปลี่ยนมาเป็นการลงทุนแบบ OPEX ที่ยืดหยุ่นกว่าและช่วยเพิ่มกระแสเงินสดในมืออีกด้วย สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขอใบเสนอราคาได้ที่: https://www.workmate.asia/th/bpo 

บทความสำหรับ:
แชร์บทความนี้
Facebook Icon
Twitter Icon
LinkedIn Icon
Subscribe to our Blog
We will send you updates on new, relevant articles that can help your business!